แผนภาพเวนน์-ออยเลอร์
ความหมายของเซต
บทที่ 1 เซต (SET)
http://web.ku.ac.th/schoolnet/snet2/knowledge_math/set/set5.htm
เซต เป็นวิชาคณิตศาสตร์ที่ว่าด้วยเรื่องของกลุ่มของสิ่งต่างๆ ที่เราสนใจ กล่าวคือ ซึ่งนับว่าเป็นพื้นฐานคณิตศาสตร์เพื่อใช้เป็นพื้นฐานในการศึกษาคณิตศาสตร์ เรื่องอื่นๆ ในระดับต่อไปที่สาคัญ
1.1 ความหมายของเซต
เซต เป็นคาที่ไม่ต้องนิยามความหมาย ( Undefine team ) แต่เราใช้คาว่า เซต แทนกลุ่มของสิ่งของ จานวน หรือสิ่งมีชีวิตที่การกล่วงถึง เช่น กลุ่ม กอง หมู่ เหลา โขลง คณะ พวก ชุด ฯลฯ
เมื่อกล่าวถึงเซต สิ่งที่คำนึงถึงคือ เซตนั้นมีสิ่งใดบ้างที่สอดคล้องกันคากล่าวของเซต สิ่งที่อยู่ภายในเซตเรียกว่า “สมาชิกเซต” ( Element ) เช่น
1. เซตของจานวนคู่บวกที่น้อยกว่า 10
สมาชิกของเซตคือ 2, 4, 6 และ 8
2. เซตของสระในภาษาอังกฤษ
สมาชิกเซต คือ a, e, i, o, และ u
ในการศึกษาเรื่องเซต จะใช้สัญลักษณ์ € แทนคาว่า “เป็นสมาชิกของ” และนิยมตั้งชื่อให้กับคาบอกเซต ซึ่งชื่อเซตที่ตั้งนิยมใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวพิมพ์ใหญ่เป็นชื่อของเซต
เช่น A, B, C, เป็นต้น
ตัวอย่าง
เมื่อกล่าวคือ เซตของจานวนคู่บวกที่น้อยกว่า 10 กาหนดให้ชื่อเซตเป็น เซต A จะพิจารณาได้ว่า
2 € A ( อ่านว่า 2 เป็นสมาชิกของเซต A )
10 € A ( อ่านว่า 10 ไม่เป็นสมาชิกของเซต A )
ตัวอย่าง 1
VIDEO
1. เซตของจำนวนนับที่มากกว่า 5 แต่น้อยกว่า 10
2. เซตของจังหวัดที่ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ “ข”
3. เซตของพยัญชนะของคาว่า “วิทยาลัย”
วิธีทำ 1. เซตของจำนวนเต็มที่มากกว่า 5 แต่น้อยกว่า 10
สมาชิกของเซตคือ 6, 7, 8, และ 9
2. เซตของจังหวัดที่ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ “ข”
สมาชิกเซตคือ ขอนแก่น
3. เซตของพยัญชนะของคาว่า “วิทยาลัย”
สมาชิกของเซตคือ ท, ย, ล และ ว
ข้อสังเกต
R แทนเซตของจำนวนจริง
R+ แทนเซตของจำนวนจริงบวก
R- แทนเซตของจำนวนจริงลบ
Q แทนเซตของจำนวนตรรกยะ
Q+ แทนเซตของจำนวนตรรกยะบวก
Q- แทนเซตของจำนวนตรรกยะลบ
I แทนเซตของจำนวนเต็ม
I+ แทนเซตของจำนวนเต็มบวก
I- แทนเซตของจำนวนเต็มลบ
I0 แทนเซตของจำนวนเต็มศูนย์
N แทนเซตของจำนวนธรรมชาติหรือจานวนนับ
1. เซตจำกัด (Finite Set)
เซตจำกัด (Finite Set) คือ เซตที่สามารถนับจำนวนสมาชิกได้ทั้งหมดและมีจำนวนที่แน่นอน เช่น A = {1, 2, 3, … ,20} จะเห็นได้ว่าเซต A สามารถบอกจำนวนสมาชิกได้ว่าเซตนี้มีจำนวนสมาชิกทั้งหมด 20 ตัว ดังนั้น เซต A จึงเป็นเซตจำกัด
ลองดูอีกตัวอย่างกันนะครับ B = { 3 } จะเห็นได้ว่าเซต B สามารถที่จะบอกจำนวนสมาชิกได้ คือ 1 ตัว ดังนั้นเซต B จึงเป็นเซตจำกัด
**หมายเหตุ เซตว่าง (Empty Set) ถือเป็นเซตจำกัด เขียนสัญลักษณ์แทนเซตว่างได้ดังนี้ หรือ { }
2. เซตอนันต์ (Infinite Set)
เซตอนันต์ (Infinite Set) คือ เซตที่ไม่สามารถบอกจำนวนสมาชิกได้เพราะสมาชิกมีจำนวนมาก เช่น A = {1, 2, 3, … } จะเห็นได้ว่าเซต A ไม่สามารถบอกจำนวนสมาชิกตัวสุดท้ายที่อยู่ในเซตนี้ได้หมด ดังนั้นเซต A จึงเป็นเซตอนันต์
ลองมาดูกันอีกตัวอย่างนึง B = {3, 5, 7, …} จะเห็นได้ว่าเซต B ไม่สามารถบอกจำนวนสมาชิกที่เป็นจำนวนคี่ได้หมด ดังนั้นเซต B จึงเป็นเซตอนันต์
เซตว่าง (Empty Set)
เซตว่าง คือ เซตที่ไม่มีสมาชิก หรือมีจำนวนสมาชิกในเซตเป็นศูนย์ สามารถเขียนแทนได้ด้วยสัญลักษณ์ {} หรือ Ø
ตัวอย่างเช่น
A = {x | x เป็นจำนวนเต็ม และ 1 < x < 2} ∴ A = Ø
B = { x | x เป็นจำนวนเต็มบวก และ x + 1 = 0 } ∴ B = Ø
เนื่องจากเราสามารถบอกจำนวนสมาชิกของเซตว่างได้ ดังนั้น เซตว่างเป็นเซตจำกัด
เอกภพสัมพัทธ์ (Relative Universe)
เอกภพสัมพัทธ์ คือ เซตที่กำหนดขอบเขตของสิ่งที่ต้องการศึกษา ซึ่งถือว่าเป็นเซตที่ใหญ่ที่สุด โดยมีข้อตกลงว่า ต่อไปจะกล่าวถึงสมาชิกของเซตนี้เท่านั้น จะไม่มีการกล่าวถึงสิ่งใดที่นอกเหนือไปจากสมาชิกของเซตที่กำหนดขึ้นนี้ โดยทั่วไปนิยมใช้สัญลักษณ์ U แทนเอกภพสัมพัทธ์
เช่น กำหนดให้ U = {1,2,3,4,5,6,7,8}
A = {1,3,5,7}
B = {2,4,8}
หรือกำหนดให้ U = {x ε I+ | 1<x<20}
A = {x ε U | x=n+3 เมื่อ n เป็นจำนสวนเต็มคี่บวก}
B = {x ε U | x=n+3 เมื่อ n เป็นจำนสวนเต็มคู่บวก}
นั่นคือทั้ง A และ B เป็นสับเซตของ Uยูเนียน อินเตอร์เซกชัน และคอมพลีเมนต์ของเซต เป็นส่วนหนึ่งของการกระทำระหว่างเซต เรานิยมเขียนออกมาในสองรูปแบบด้วยกันคือแบบสมการ และแผนภาพเวนน์-ออยเลอร์ เราลองมาดูกันครับว่ายูเนียน อินเตอร์เซกชัน และคอมพลีเมนต์ของเซต เป็นอย่างไรพร้อมตัวอย่าง
ยูเนียน (Union)
ยูเนียน (Union) มีนิยามว่า เซต A ยูเนียนกับเซต B คือเซตซึ่งประกอบด้วยสมาชิกที่เป็นสมาชิกของเซต A หรือ เซต B หรือทั้ง A และ B สามารถเขียนแทนได้ด้วย สัญลักษณ์ A ∪ B
ตัวอย่างเช่น
A ={1,2,3}
B= {3,4,5}
∴ A ∪ B = {1,2,3,4,5}
เราสามารถเขียนการยูเนี่ยนลงในแผนภาพได้ดังนี้
อินเตอร์เซกชัน (Intersection)
อินเตอร์เซกชัน (Intersection) มีนิยามคือ เซต A อินเตอร์เซกชันเซต B คือ เซตซึ่งประกอบด้วยสมาชิกที่เป็นสมาชิกของเซต A และเซต B สามารถเขียนแทนได้ด้วยสัญลักษณ์ A ∩ B
ตัวอย่างเช่น
A ={1,2,3}
B = {3,4,5}
∴ A ∩ B = {3}
เราสามารถเขียนการอินเตอร์เซกชันลงในแผนภาพได้ดังนี้
คอมพลีเมนต์ (Complements)
คอมพลีเมนต์ (Complements) มีนิยามคือ ถ้าเซต A ใดๆ ในเอกภพสัมพัทธ์ U แล้วคอมพลีเมนต์ของเซต A คือ เซตที่ประกอบด้วยสมาชิกที่เป็นสมาชิกของ U แต่ไม่เป็นสมาชิกของ A สามารถเขียนแทนได้ด้วยสัญลักษณ์ A’
ตัวอย่างเช่น
U = {1,2,3,4,5}
A ={1,2,3}
∴ A’ = {4,5}
เราสามารถเขียนการคอมพลีเมนต์ของเซตลงในแผนภาพได้ดังนี้
สับเซต (Subset)
ถ้าสมาชิกทุกตัวของ A เป็นสมาชิกของ B แล้ว จะเรียกว่า A เป็นสับเซตของ B จะเขียนว่า
เซต A เป็นสับเซตของเซต B แทนด้วย A ⊂ B
ถ้าสมาชิกบางตัวของ A ไม่เป็นสมาชิกของ B จะเรียกว่า A ไม่เป็นสับเซตของ B
เซต A ไม่เป็นสับเซตของเซต B แทนด้วย A ⊄ B
สมบัติของสับเซต
1) A ⊂ A (เซตทุกเซตเป็นสับเซตของตัวมันเอง)
2) A ⊂ U (เซตทุกเซตเป็นสับเซตของเอกภพสัมพัทธ์)
3) ø ⊂ A (เซตว่างเป็นสับเซตของทุกๆ เซต)
4) ถ้า A ⊂ ø แล้ว A = ø
5) ถ้า A ⊂ B และ B ⊂ C แล้ว A ⊂ C (สมบัติการถ่ายทอด)
6) A = B ก็ต่อเมื่อ A ⊂ B และ B ⊂ A
7) ถ้า A มีจำนวนสมาชิก n ตัว สับเซตของเซตจะมีทั้งสิ้น 2n สับเซต
สับเซตแท้
นิยาม A เป็นสับเซตแท้ของ B ก็ต่อเมื่อ A⊂B และ A ≠ B
ตัวอย่าง กำหนดให้ A = { a , b , c } จงหาสับเซตแท้ทั้งหมดของ A
วิธีทำ สับเซตแท้ของ A ได้แก่
ø, {a} , {b} ,{c} , {a,b} , {a ,c} , {b,c}
มีจำนวนสมาชิกทั้งสิ้น 7 สับเซต
หมายเหตุ ถ้า A มีจำนวนสมาชิก n ตัว สับเซตแท้ของเซตA จะมีทั้งสิ้น 2n –1 สับเซต
เราสามารถเขียนความสัมพันธ์ของสับเซตออกมาในรูปของแผนภูมิได้ดังนี้ครับ
จากรูปแสดงได้ว่า A⊂B
เพาเวอร์เซต (Power Set)
คำว่า เพาเวอร์เซต เป็นคำศัพท์เฉพาะ ซึ่งใช้เป็นชื่อเรียกเซตเซตหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องสับเซต
เพาเวอร์เซตของ A เขียนแทนด้วย P(A)
P(A) คือเซตที่มีสับเซตทั้งหมดของ A เป็นสมาชิก
สมบัติของเพาเวอร์เซต
ให้ A , B เป็นเซตใดๆ
1) ø ⊂ P(A)
2) A ⊂ P(A)
3) P(A) ≠ ø
4) P(A) ⊂ P(B) ก็ต่อเมื่อ A ⊂ B
5) ถ้า A มีสมาชิก n ตัว P(A) จะมีสมาชิก 2n ตัว
แผนภาพเวนน์-ออยเลอร์ คือแผนภาพที่ใช้เขียนแทนเซตโดยใช้รูปปิดอะไรก็ได้ เช่น รูปสามเหลี่ยม รูปวงกลม รูปวงรี แต่จะนิยมเขียนแทนเอกภพสัมพัทธ์ด้วยรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า แล้วเขียนแทนเซตในเอกภพสัมพัทธ์ด้วยรูปวงกลม
กำหนด U = { 0 , 1 , 2 , 3 , . . . , 10 } , A = { 2 , 4 , 6 } U = { 0 , 1 , 2 , 3 , . . . , 10 } , A = { 2 , 4 , 6 } และ B = { 1 , 3 , 5 } B = { 1 , 3 , 5 }
เขียนเป็นแผนภาพเวนน์-ออยเลอร์ได้ดังนี้
เซต A A และ B B ไม่มีสมาชิกที่เหมือนกันเลย แสดงว่าทั้ง 2 2 วง แยกออกจากกันชัดเจน
เราใส่ตัวเลขที่เป็นสมาชิกของ A A และ B B ลงในวงกลมทั้ง 2 2 เซต
ตัวเลขที่เหลือในเอกภพสัมพัทธ์ที่ไม่ได้อยู่ทั้งในเซต A A และ B B เราต้องเขียนแสดงไว้ในกรอบสี่เหลี่ยมผืนผ้านอกวงกลม
กำหนด U = { 0 , 1 , 2 , 3 , . . . , 10 } , A = { 1 , 2 , 3 , 4 , 5 } U = { 0 , 1 , 2 , 3 , . . . , 10 } , A = { 1 , 2 , 3 , 4 , 5 } และ B = { 3 , 5 , 6 , 7 , 8 } B = { 3 , 5 , 6 , 7 , 8 }
เขียนเป็นแผนภาพเวนน์-ออยเลอร์ได้ดังนี้
ในกรณีนี้ เซต A A และ B B มีสมาชิกที่เหมือนกันคือ 3 3 และ 5 5 ดังนี้น ทั้งสองเซตจึงมีบางส่วนซ้อนกัน
3 3 และ 5 5 จึงอยู่ในส่วนที่เซต A A และ B B ซ้อนกัน
กำหนด U = { 0 , 1 , 2 , 3 , . . . , 10 } , A = { 1 , 2 , 3 } U = { 0 , 1 , 2 , 3 , . . . , 10 } , A = { 1 , 2 , 3 } และ B = { 1 , 2 , 3 , 4 , 5 , 6 } B = { 1 , 2 , 3 , 4 , 5 , 6 }
เขียนเป็นแผนภาพเวนน์-ออยเลอร์ได้ดังนี้
ในกรณีนี้จะเห็นว่า A ⊂ B A ⊂ B ดังนั้น เซต A A ทั้งวงจึงเข้าไปอยู่ในเซต B B
แผนภาพเวนน์-ออยเลอร์ ช่วยให้เรามองความสัมพันธ์ระหว่างเซต และการดำเนินการของเซตได้ชัดเจนขึ้น
1. ยูเนี่ยน
ส่วนที่แรเงาแสดงพื้นที่ของ A ∪ B A ∪ B
2. อินเตอร์เซกชั่น
ส่วนที่แรเงาแสดงพื้นที่ของ A ∩ B A ∩ B
3. ผลต่าง
ส่วนที่แรเงาแสดงพื้นที่ของ A − B A − B
4. คอมพลีเมนต์
ส่วนที่แรเงาแสดงพื้นที่ของ A c
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น